Skateway Life

ทดสอบสุดยอดกล้องไฮบริดความเร็วสูง Fujifilm X-H2S สเป็คจัดเต็มพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ถ่ายภาพระดับมืออาชีพทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ

August 16, 2022
876 Views

กล้อง Fujifilm X-H2S เป็นกล้อง Mirrorless APS-C ระดับเรือธงที่ทาง Fujifilm เปิดตัวออกมาพร้อมสเป็คแบบจัดเต็มสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นการบันทึกภาพต่อเนื่องความเร็วสูงขนาด 40 เฟรมต่อวินาทีแบบ Blackout free และคุณภาพวิดีโอระดับโปร 6K/30P รองรับ Apple ProRes, 4K/120P (H.265) โหมดภาพ F-Log 2 14-bit readout ช่องมองภาพ EVF ความละเอียด 5.76 MP ช่องเสียบการ์ดคู่รองรับการ์ด CFexpress บอดี้กล้องแข็งแรงทนทานแบบ Weather sealed และ Freeze proof 

โดยในปัจจุบันเราจะเห็นว่าทาง Fujifilm นั้นได้มีการแบ่งรุ่นกล้องในแต่ละซีรี่ย์ออกมาอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น เริ่มตั้งแต่กล้องสำหรับผู้ใช้มือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นถ่ายภาพ กล้องสำหรับผู้ใช้มือสมัครเล่นที่จริงจัง ชาว Vlogger / YouTuber จนถึงรุ่นที่รองรับการใช้งานระดับมืออาชีพ ซึ่งการที่ทาง Fujifilm ได้ตั้งใจจัดวางตำแหน่งของกล้อง X-H2S ให้อยู่ในกลุ่มกล้องสำหรับช่างภาพมืออาชีพ ซึ่งเป็นระดับเดียวกับกล้องแบบมีเดียมฟอร์แมทของ Fujifilm ในรุ่น GFX50SII และรุ่น GFX100S  จึงทำให้การเปิดตัวกล้อง X-H2S ออกมาในคร้ังนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยที่ทาง Fujifilm ได้เน้นย้ำแนวคิดในการออกแบบกล้องในตระกูล H-X ด้วยจุดแข็ง 4 ประการนั่นคือ การเน้นการเป็นกล้องไฮบริด ( Hybrid ) มีความเร็วสูง ( High Speed )  มีประสิทธิภาพสูง ( High Performance ) และมีความล้ำสมัย ( High End ) ที่สำคัญกล้อง X-H2S นั้นนับได้ว่าเป็นกล้องรุ่นแรกของ Fujifilm ที่ก้าวเข้าสู่เทคโนโลยีในเจนเนอเรชั่นที่ 5 อย่างเต็มตัว  ทั้งในส่วนของเซ็นเซอร์ภาพ ( X - Trans CMOS 5 HS ) และหน่วยประมวลผลภาพ ( X- Processor 5 ) ทำให้กล้อง X-H2S เป็นกล้องมีขีดความสามารถสูงขึ้นอย่างชัดเจนทั้งการบันทึกภาพนิ่งและวิดีโอความเร็วสูง ( High Speed Performance) เพื่อรองรับการใช้งานระดับโปรได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

กล้องไฮบริดไฮสปีดทรงพลัง

กล้อง Fujifilm X-H2S นับเป็นกล้องรุ่นแรกในตระกูล X- series ที่ก้าวเข้าสู่เทคโนโลยีของกล้องในเจนเนอเรชั่นที่ 5 ล่าสุดของ Fujifilm อย่างเป็นทางการ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ไม่ได้ทำเพียงแค่การเปลี่ยนชื่อรุ่นหรืออัพเกรดเพิ่มจากเดิม แต่เป็นการยกเครื่องเปลี่ยนใหม่ใหม่ทั้งหมด รวมทั้งยังได้ทำการพัฒนาหน่วยประมวลผล X- Processor 5 รุ่นใหม่ประสิทธิภาพสูงออกมาพร้อมกันอีกด้วย

เซ็นเซอร์ X-Trans CMOS 5 HS  เป็นเซ็นเซอร์ภาพแบบ APS-C ความละเอียด 26 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์ที่มีโครงสร้างแบบ Stacked  ( Stacked Layer BSI CMOS architecture ) ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบใหม่ ที่มีข้อได้เปรียบและให้ประสิทธิภาพในการทำงานที่รวดเร็วมากกว่าเซ็นเซอร์แบบ BSI CMOS ที่ใช้อยู่ในกล้องรุ่น X-T4 อย่างชัดเจน โดยที่เซ็นเซอร์แบบ Stacked BSI CMOS นั้น ยังคงใช้ประโยชน์จากข้อดีของแผงวงจรแบบ BSI อยู่ แต่จะมีการแบ่งชั้นเลเยอร์บนตัวเซ็นเซอร์ออกเป็นหลายชั้นโดยที่ชั้นแรกจะเป็นชั้นของพิกเซลรับแสงโดยเฉพาะ ส่วนเลเยอร์ในชั้นที่สองจะเป็นชั้นของหน่วยประมวลผลต่างๆ ซึ่งการแบ่งชั้นของเลเยอร์ออกเป็นสองส่วนนอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงมากขึ้น ยังช่วยให้มีพื้นที่ว่างที่เหลือบนเซ็นเซอร์เพื่อเพิ่มจำนวนของเซลล์รับแสงขึ้นได้อีกหากต้องการ การใช้เซ็นเซอร์ภาพแบบ Stacked CMOS จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของกล้องให้มีการตอบสนองที่รวดเร็ว โดยเฉพาะในเรื่องการบันทึกภาพต่อเนื่องความเร็วสูง ( Burst shooting) การตรวจจับระบบโฟกัสอัตโนมัติ (Auto-focusing) การบันทึกภาพนิ่งความละเอียดสูง ( High-res photos) รวมไปถึงการบันทึกภาพวิดีโอแบบไฮเอนท์ ( High-end videos)

กล้อง Fujifilm X-H2S ยังใช้หน่วยประมวลผลภาพ X- Processor 5 รุ่นใหม่ให้มีประสิทธิภาพสูงออกมาพร้อมกัน เพื่อรองรับการส่งผ่านข้อมูลที่ส่งมาจากตัวเซ็นเซอร์ภาพที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ระบบโฟกัสที่ชาญฉลาดมากขึ้น รองรับความละเอียดและเฟรมเรทที่เพิ่มมากขึ้น การประมวลผลข้อมูลได้อย่างรวดเร็วแม่นยำ โดยมีจุดเด่นสำคัญที่จากการรองรับไฟล์ภาพนิ่งแบบ HEIF 4:2:2, 10 bit  เพิ่มขีดความสามารถในการประมวลผลภาพด้วยชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ความเร็วสูงระดับ 40 fps. การรองรับการใช้งานวิดีโอความละเอียดสูงระดับ 6K/30p รวมถึงระบบฟอร์แมทวิดีโอรูปแบบต่างๆสำหรับงานมืออาชีพ การควบคุมการทำงานของระบบกันสั่นแบบดิจิตอล 5 แกนเมื่อใช้ร่วมกับวิดีโอ อีกทั้งยังช่วยจัดการในเรื่องของการใช้พลังงานที่ต่ำลง

โหมดวิดีโอคุณภาพสูงครอบคลุมทุกการใช้งาน

จากการที่กล้อง X-H2S ได้รับการจัดวางตำแหน่งให้เป็นกล้องไฮบริดระดับมืออาชีพ ทาง Fujifilm จึงค่อนข้างให้ความสำคัญในส่วนนี้และใช้ความได้เปรียบจากการใช้เซ็นเซอร์แบบ X-Trans CMOS 5 HS และ หน่วยประมวลผลภาพ X- Processor 5 มาใช้ในโหมดวิดีโออย่างเต็มที่ กล้อง X-H2S รองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงถึงระดับ 6K ที่ 30p แบบเต็มเซ็นเซอร์ หรือจะทำการถ่ายวิดีโอแบบ Super slow motion ก็ทำได้อย่างนุ่มนวลสวยงามในแบบ 4K ที่ 120/60p และ FHD /240p พร้อมยังเลือกบันทึกด้วยคุณภาพสูงด้วยฟอร์แมท Apple ProRes HQ เมื่อบันทึกลงการ์ดแบบ CFexpress Type B และ H.265 4:2:2, 10 bit เมื่อบันทึกลง SD Card UHS-ll U3 รวมถึงการใช้งานวิดีโอแบบ ProRes RAW และ BlackMagic RAW ผ่านช่องสัญญาณ HDMI type A ได้ตามต้องการ

ฟอร์แมทภาพใหม่แบบ F-Log2 ที่ให้ค่าไดนามิกเรนจ์ที่กว้างมากถึง 14 สตอป ที่คุณภาพระดับ 6.2K, 4K/30p,25p,24p ที่น่าจะถูกใจผู้ใช้ที่ชอบเล่นกับโทนภาพที่สวยงามมีเอกลักษณ์ได้ตามความต้องการได้อย่างเต็มที่ รวมถึงยังสามารถบันทึกวิดีโอด้วยลูกเล่น Film Simulation ที่มีให้เลือกถึง 19 แบบ

และเพื่อให้การถ่ายวิดีโอทำได้อย่างเต็มประสิทธิภาพทาง Fujifilm ได้ออกแบบโครงสร้างภายในบอดี้กล้องใหม่เพื่อช่วยให้มีการระบายความร้อนภายในตัวกล้องได้อย่างรวดเร็วลดปัญหาความร้อนสะสมในตัวกล้องเพื่อให้สามารถใช้งานบันทึกวิดีโอที่ยาวนานทำได้อย่างได้อย่างเต็มที่ แต่ถ้ายังไม่เพียงพอก็มีพัดลมเสริมเฉพาะกิจ ( Cooling fan/ FAN-001) ที่สามารถขันเกลียวประกบติดกับด้านหลังของกล้องได้อย่างแนบเนียนเป็นอุปกรณ์เสริมต่างหาก

ความเร็วที่มาพร้อมกับความคมชัด

กล้อง X-H2S มาพร้อมกับความเร็วในการบันทึกภาพต่อเนื่องที่สูงมากถึง 40 เฟรมต่อวินาที เมื่อใช้ชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic shutter )ในแบบไม่มีค่าครอป ( รุ่น X-T4 ทำได้สูงสุด 20 เฟรมต่อวินาที และ 30 เฟรมต่อวินาทีในโหมดครอป 1.25x ที่ลดความละเอียดลงมาที่ 16 ล้านพิกเซล) และยังไม่มีการเกิดจอภาพดำ ( Blackout - free) ในขณะกดชัตเตอร์ ช่วยให้ง่ายในการหาตำแหน่งของตัวแบบที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและคาดเดาทิศทางได้ยากทำได้ง่ายขึ้น

ในส่วนความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องด้วยระบบชัตเตอร์แบบกลไก ( Mechanical shutter ) ของ X-H2S ก็ยังสามารถทำได้ถึง 15 เฟรมต่อวินาที ( เท่ากันกับรุ่น X-T4 ในขณะที่รุ่น X-H1 ทำได้เพียง 8 เฟรมต่อวินาที) ซึ่งในขณะที่ถ่ายภาพด้วยระบบโฟกัสอัตโนมัติต่อเนื่องแบบ Phase-detection และใช้โหมดค่าเปิดรับแสงอัตโนมัติกล้องจะทำงานร่วมกันในระหว่างการเก็บภาพแทนที่จะถูกล๊อคไว้ตั้งแต่ในเฟรมแรก

อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญมากพอๆกันกับความเร็วของโหมดบันทึกภาพต่อเนื่องก็คือความจุของบัพเฟอร์ของกล้องที่ต้องรองรับได้กับปริมาณภาพจำนวนมากได้เป็นอย่างดีด้วยเช่นกัน ซึ่งถ้าดูจากสเปคแล้วกล้อง X-H2S มีการจัดเตรียมพื้นที่บัพเฟอร์ให้อย่างเหลือเฟือด้วยความจุในระดับมากกว่า 1,000 ภาพทั้งในแบบ JPG และ RAW ที่ความเร็ว 20 เฟรมต่อวินาที ในขณะที่ 30 เฟรมต่อวินาที ทำได้มากกว่า 1,000 ภาพในแบบ JPG และลดลงเป็น 270 ภาพในแบบ RAW และทำได้ 184 ภาพในแบบ JPG และ175ภาพในแบบ RAW เมื่อใช้แบบเร็วสุดๆที่ 40 เฟรมต่อวินาที ซึ่งนับว่าทำได้ในระดับที่ดี เพียงพอกับการใช้งานในสถานการณ์จริง

ระบบโฟกัสอัตโนมัติของกล้อง X-H2S ยังคงเป็นแบบ 117 จุด ในโหมดโฟกัสแบบ Zone และ Tracking ในขณะที่เป็นแบบ 425 จุด ในโหมด Single area แบบเดียวกับที่ใช้ในรุ่น X-T4 แต่สิ่งที่ทำให้กล้อง X-H2S มีความเหนือชั้นกว่านั้นอยู่ที่เทคโนโลยีของซอฟท์แวร์ AF Algorithm ที่ทาง Fujifilm กล่าวว่ามีการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพสูงและรวดเร็วมากกว่าระบบโฟกัสรุ่นเดิมถึง 3 เท่า มีอ่านข้อมูลได้ด้วยความเร็ว 120 เฟรมต่อวินาที ซึ่งความเร็วในการอ่านนี้ส่งผลต่อการนำไปใช้ในส่วนของการคาดเดาตรวจจับตัวแบบที่เคลื่อนไหว การเพิ่มความแม่นยำในการโฟกัสภาพที่มีความเปรียบต่างต่ำ รวมไปถึงความสามารถในการโฟกัสภาพในสภาพแสงน้อยที่ต่ำมากๆได้ถึง -7 EV  

นอกจากนี้กล้อง X-H2s ยังมีการอัพเกรดในส่วนของฟังก์ชั่นตรวจจับใบหน้า/ดวงตา และตัวแบบ (Face/Eye & Subject detection) ให้มีความหลากหลายและเจาะจงมากยิ่งขึ้น อาทิเช่น การตรวจจับเครื่องบิน  ( เครื่องบินรบ, เครื่องบินโดยสาร, เครื่องบินโชว์) รถยนต์ ( รถบ้าน, รถแข่งล้อเปิด, รถแรลลี่ ) รถไฟ, มอเตอร์ไซค์/จักรยาน, นก และน้องแมว ที่ต้องยอมรับว่าทาง Fujifilm นั้นเอาใจใส่และสนใจในรายละเอียดเล็กๆเหล่านี้ได้อย่างน่าชื่นชมจริงๆ โดยเฉพาะในฟังก์ชั่นตรวจจับน้องแมวที่น่าจะถูกใจเหล่าบรรดาทาสแมวได้อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งในวันงานเปิดตัว Touch and try ก็ได้มีการนำน้องแมวน่ารักๆมาเป็นตัวแบบให้ทดสอบฟังชั่นนี้กันอย่างสนุกสนาน ซึ่งต้องยอมรับในความชาญฉลาดของกล้องที่ไม่ว่าน้องแมวจะหันหน้าหลบ หันข้างหนี หรือนั่งย้อนแสงแบบเต็มๆ ภาพทุกภาพที่ได้ก็ยังมีความคมชัดและมีค่าเปิดรับแสงที่ถูกต้องสวยงาม

 

ฟังก์ชันการใช้งานที่ลงตัว 

กล้อง X-H2S ยังคงมาพร้อมกับการออกแบบตัวกล้องที่เป็นเอกลักษณ์ ด้วยรูปทรงแบบกล้องคลาสสิค ที่มีสันเหลี่ยมที่สวยงามลงตัว โดดเด่นด้วยกริปมือจับขนาดใหญ่ด้านหน้าช่วยให้การจับถือใช้งานทำได้อย่างถนัดมือคล่องตัว โดยเฉพาะเมื่อใช้กับเลนส์ขนาดใหญ่ อย่างเลนส์ Fujinon XF 150-600 mm f/5.6-8 R LM OIS WR รุ่นล่าสุดในอนุกรม X- Mount ที่ได้รับการเปิดตัวออกมาพร้อมกันกับกล้อง X-H2S

 

กล้อง X-H2S ได้รับการติดตั้งช่องมองภาพ EVF แบบ OLED ความละเอียด 5.76 ล้านพิกเซลที่ให้ภาพชัดเจนด้วยค่าขยาย 0.8X และอัตรารีเฟรชเรท 120 fps ที่ให้ภาพสบายตาและง่ายต่อจัดเฟรมภาพ ด้านบนของบอดี้กล้อง X-H2S ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของกล้องในตระกูล X-H นั่นคือหน้าจอแสดงผลด้านบนแบบขาวดำที่โชว์ค่ากล้องต่างๆเป็นตัวเลขและไอคอนขนาดใหญ่ให้เห็นตลอดเวลาอย่างชัดเจน แบบเดียวกับที่พบในรุ่น X-H1 และกล้องมิเดียมฟอร์แมทในตระกูล GFX  ด้านหลังของกล้องจะเป็นจอ LCD แสดงผลภาพขนาด 3 นิ้ว ความละเอียด 1.62 ล้านพิกเซลแบบกางออกและพับหมุนกลับมาถ่ายเซลฟี่ได้ ตัวหน้าจอเป็นระบบทัชสกรีนให้ภาพคมชัดสีสันสดใส สามารถดูภาพได้ชัดเจนแม้จะอยู่กลางแจ้งที่สว่างมากๆก็ตาม

กล้อง X-H2S มาพร้อมกับระบบกันสั่นในตัวกล้องแบบ  5 แกน ( 5-axis in- body image stabilisation / IBIS) ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สามารถชดเชยค่าการสั่นไหวได้มากถึง 7 สตอป ( 6.5 สตอปในรุ่น X-T4 และ 5.5 สตอป ในรุ่น X-H1 ) ซึ่งเกิดจากการทำงานร่วมกันระหว่างกลไกของระบบกันสั่นและหน่วยประมวลผล X-Processor 5 ช่วยเพิ่มความมั่นใจว่าภาพถ่ายจะยังคงคมชัดแม้ต้องถ่ายภาพภายในสภาพแสงน้อยมากๆหรือเมื่อต้องใช้เลนส์กำลังขยายสูงๆ และเช่นเดียวกับในกล้อง X-T4 ที่สามารถเปิดระบบกันสั่นแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือโหมด “IS boost” ในขณะที่ทำการบันทึกวิดีโอได้ (ยกเว้นในขณะบันทึกด้วยความละเอียด 6K หรือ ใน ProRes codec)

          กล้อง X-H2S มาพร้อมกับฟังก์ชันที่มีประโยชน์มากมายเช่นเคยตามสไตล์กล้องจาก Fujifilm ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชั่น Film Simulation ที่ถูกบรรจุมาให้เลือกใช้งานถึง 19 แบบ ฟังก์ชันชดเชยค่าเปิดรับแสง ที่ปรับได้ +/-5 stop  การเชื่อมต่อด้วยระบบ Wi-Fi และ บลูทูธ สายชาร์จแบบ USB-C รวมถึงค่าความเร็วชัตเตอร์แบบอิเล็กทรอนิกส์แบบขยายที่ทำได้สูงถึง 1/32000 วินาที ช่องเสียบใช้การ์ดแบบคู่ ( Dual memory card slots) เหมือนเดิมที่เคยมีมาให้ในกล้องรุ่น X-H1 แต่ในครั้งนี้เป็นการเพิ่มประเภทของการ์ดแทนที่จะเป็นจำนวนการ์ด โดยจะเป็นช่องเสียบการ์ดแบบ UHS-ll SD หนึ่งช่องและแบบ CFexpress Type B เข้ามาแทนในช่องที่เหลือ ซึ่งเป็นการรองรับการใช้งานฟังก์ชันบันทึกภาพต่อเนื่องความเร็วสูงขนาด 40 fps ซึ่งจำเป็นสุดที่มีมาให้กับกล้อง X-H2S แล้วจำเป็นต้องใช้ร่วมกับการ์ดแบบ CFexpress Type B เท่านั้น ถึงแม้ว่าในปัจจุบันการ์ดแบบ CFexpress Type B ( รวมถึงตัวอ่านการ์ด ) อาจจะยังมีราคาที่สูงอยู่แต่ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าถ้าหากต้องการความเร็วระดับสูงสุดแบบที่กล้องนี้ทำได้

        สำหรับช่างภาพมืออาชีพที่ต้องทำงานภาคสนามแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องพิจารณาก็คืออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ซึ่งทาง Fujifilm นั้นให้ความสำคัญในเรื่องนี้ค่อนข้างมาก ดังจะเห็นได้จากการเปลี่ยนแบตเตอรีจากเดิมในรุ่น NP-W126S ซึ่งมีขนาดเล็กที่เคยใช้ในรุ่น X-H1 มาเป็นรุ่น NP-W235 แบบเดียวกับรุ่น X-T4 ซึ่งมีอายุการใช้งานของแบตเตอรีอยู่ที่ 720 ภาพ ( ตามมาตรฐาน CIPA ) อย่างไรก็ตามกล้อง X-H2S สามารถทำการเสียบชาร์จหรือต่อแบตเตอรีได้ผ่านทางพอร์ท USB Type C ได้โดยตรงทันที ซึ่งเหมาะกับการใช้งานภาคสนามที่ไม่มีปลั๊กไฟฟ้าหรือกลางป่าเขาที่ไม่มีไฟฟ้าเข้าถึง แต่ถ้าหากต้องการเพิ่มอายุแบตเตอรี่แบบสุดๆ ทาง Fujifilm ก็มีแบตเตอรีกริปเสริม (VBG-XH) ที่บรรจุแบตเตอรี NP-W235 ได้สองก้อน ที่ช่วยให้สามารถถ่ายภาพได้ถึง 1700 ภาพต่อการชาร์จแต่ละครั้ง

บทสรุปจากการใช้งานจริง

การเปิดตัวกล้อง Fujifilm X-H2S นับว่าเป็นการตอกย้ำจุดยืนที่แน่วแน่ของ Fujifilm ที่มีความมุ่งมั่นพัฒนากล้อง Mirrorless ที่ใช้เซ็นเซอร์ภาพขนาดเล็กแบบ APS-C ในตระกูล X- Series ในรุ่นต่างๆให้มีประสิทธิภาพสูงมากขึ้นเรื่อยๆและตอบสนองกับความต้องการของกลุ่มผู้ใช้กล้องแต่ละกลุ่มได้อย่างลงตัว

กล้อง Fujifilm X-H2S มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ให้ผลลัพธ์ภาพถ่ายระดับมืออาชีพ

ทาง Skatewaylife ได้มีโอกาสสัมผัสและทดลองใช้งานกล้อง X-H2S ตัวจริงมาก่อนหน้านี้แล้วในงาน Touch and Try ที่ทางบริษัท Fujifilm ได้มีการจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนมิถุนายน ซึ่งทาง Fujifilm ได้มีการจัดเตรียมตัวแบบเพื่อใช้ทดสอบฟังก์ชั่นการทำงานของกล้อง ไม่ว่าจะเป็นโหมดบันทึกภาพความเร็วสูง 40 fps ที่มีนักกีฬา BMX มาให้ถ่ายภาพ  ฟังก์ชั่นตรวจจับใบหน้า/ดวงตา และตัวแบบ (Face/Eye & Subject detection) ที่เตรียมน้องแมวมาให้ทดลองเก็บภาพกันอย่างเต็มที่  ซึ่งกล้อง X-H2S ก็สามารถแสดงประสิทธิภาพออกมาได้อย่างน่าประทับใจ โดยในวันนั้นนอกจากการเปิดตัวกล้อง X-H2S แล้ว สิ่งที่สร้างความตื่นเต้นพอๆกันก็น่าจะเป็นการเปิดตัวเลนส์ Fujinon XF 150-600 mm f/5.6-8 R LM OIS WR ซึ่งเป็นเลนส์ซูม Super Telephoto ที่มีช่วงความยาวโฟกัสในฝันสำหรับช่างภาพกีฬาและช่างภาพสายธรรมชาติ  ทั้งจากขนาดและนำ้หนักโดยรวมของตัวเลนส์ อีกทั้งยังมาพร้อมกับราคาค่าตัวที่เป็นมิตรน่าคบหาเป็นอย่างมาก สำหรับการทดสอบระบบ Subject detection กับน้องแมวที่เป็นตัวแบบนั้นผ่านไปได้อย่างน่าประทัปใจ ระบบตรวจจับ “น้องแมว” ซึ่งเราใช้ฟังก์ชั่นตรวจจับน้องแมว ซึ่งเพียงเข้าไปในเมนูแล้วเลือกไอคอน ที่เป็นรูปหน้า “น้องแมว” แล้วเล็งกล้องไปที่น้องแมวนั่งอยู่ ระบบโฟกัสอัตโนมัติจะทำการแยกแยะและตรวจหาน้องแมวในภาพทันที โดยกล้องจะทำการตรวจจับหาดวงตาหาน้องแมว ซึ่งเมื่อพบแล้วกล้องก็จะทำการล๊อคไปที่ดวงตาได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะหันข้าง หันเฉียง หรือแม้กระทั้งย้อนแสงแล้วหันหน้ามามองกล้องแค่เพียงข้างเดียว ส่วนการเทสระบบโฟกัสและโหมดบันทึกภาพความเร็วสูงกับตัวแบบที่เป็นนักกีฬา BMX ซึ่ง เป็นโอกาสได้ทดลองเลนส์ Fujinon XF 150-600 mm f/5.6-8 R LM OIS WR กับบอดี้กล้อง X-H2S เป็นครั้งแรก ซึ่งผลลัพท์ของภาพที่ได้นั้นทำได้ดีอย่างเกินคาด ทั้งด้วยจากความแม่นยำของระบบโฟกัส ความคมชัดของภาพที่ปราศจากการสั่นไหวแม้จะใช้มือถือถ่ายและช่วงซูมเกือบปลายสุดของเลนส์

ฟังก์ชั่นตรวจจับตัวแบบ (Face/Eye&Subject detection) มีตัวแบบให้เลือกมากมาย อาทิ รถไฟ เครื่องบิน สัตว์ รถยนต์ รวมถึงน้องแมว

 

Real Test กับงานแข่งเวคบอร์ดระดับประเทศ

เพียงไม่นานภายหลังจากวันงาน Touch and Try ที่ได้สัมผัสกล้อง X-H2S เป็นครั้งแรก ทาง Skatewaylife ก็ได้มีโอกาสนำเอากล้อง X-H2S ไปทำการทดสอบภาคสนามจริงแบบ Real Test ในงานแข่งกีฬาระดับประเทสในงาน Shinga Cable Wakeboard and Wakeskate Thailand Championship 2022 ซึ่งเป็นการแข่งขันเวคบอร์เก็บคะแนนระดับประเทศ ที่มีนักกีฬาฝีมือมาจากทั่วประเทศมาแข่งขันกันในงานนี้ ซึ่งงานถูกจัดขึ้นที่บึง Thai Wake Park พัทยา ซึ่งเป็นบึงเคเบิลที่มีขนาดใหญ่ และจากช่วงฤดูกาลในช่วงนี้ ที่มีสภาพอากาศที่คาดเดาไม่ได้ ทั้งสภาพอากาศที่ร้อนชื้น ไปจนถึงพายุฝนกระหน่ำสลับไปมา จึงเหมาะมากกับการเอากล้อง X-H2s ไปทดสอบเก็บภาพในบรรยากาศของจริงกัน 

เนื่องจากนี่เป็นการถ่ายภาพกีฬาเอ็กสตรีมกลางแจ้งในบริเวณพื้นที่ซึ่งใหญ่มาก อีกทั้งยังต้องมีการเดินไปรอบๆบึง เพื่อเปลี่ยนจุดถ่ายภาพอยู่ตลอดเวลา ความคล่องตัวและอุปกรณ์ที่วางใจได้จึงเป็นสิ่งจำเป็น เราได้เตรียมบอดี้กล้อง X-H2s 1ตัว เลนส์ Fujinon XF 150-600 mm f/5.6-8 R LM OIS WR , เลนส์ Fujinon XF 200 mm f/2 R LM OIS WR, แบตเตอรี 2 ก้อน การ์ด SD ความเร็วสูง 6 ใบ สายชาร์จแบบ USB type C หนึ่งเส้น กระเป๋า Hard case 1 ใบ และที่ขาดไม่ได้คือนำ้ดื่มหลายๆขวด

ความประทับใจแรกก่อนเริ่มการทดสอบจริงกับกล้อง X-H2S และชุดเลนส์ Fujinon XF ก็คือขนาดและนำ้หนักโดยรวมที่เมื่อประกอบบอดี้กล้องเข้ากับเลนส์ FX 150-600 มม. เรียบร้อยแล้วยังสามารถเอาไปใส่ในกระเป๋า Hard case รวมกับแบตเตอรี่, สายชาร์จ และมือถือได้ครบจบในกระเป๋าใบเดียว ส่วนเลนส์เทเลโฟโต้  FX 200 มม. f/2 นั้นมาพร้อมกับกระเป๋าเคสเฉพาะกิจพร้อมสายสะพายมาอยู่แล้ว ทำให้สะดวกและคล่องตัวมาก อีกทั้งด้วยการออกแบบของบอดี้และเลนส์ FX ที่แข็งแรงทนทาน ทั้งตัวกล้องและเลนส์ได้รับการซีลมาอย่างดี ทำให้สามารถใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างมั่นใจ ถึงแม้จะต้องถ่ายภาพในขณะที่มีฝนตกเป็นระยะๆก็ตาม อีกทั้งด้วยช่วงความไวแสงที่กว้างขนาด ISO 160-ISO 12800 ( ขยายได้ 80-51200 ) ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับเลนส์ซูมเทเลโฟโต้ FX 150-600 มม. ในช่วงปลายสุดขนาด 600 mm ที่ f/8 ร่วมกับค่าความเร็วชัตเตอร์ที่สูงมากๆได้อย่างสบาย แม้จะมีสภาพแสงที่ตำ่ลง เซ็นเซอร์ X-Trans CMOS 5 HS และหน่วยประมวลผล X- Processor 5 แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพออกมาได้อย่างน่าประทับ สามารถควบคุม Noise ในภาพได้เป็นอย่างดี ภาพแทบทุกภาพมีความคมชัดใสเคลียร์ มีโทนภาพที่มีสีสันสวยงามสมจริง โดยเฉพาะในส่วนไฮไลท์ที่เป็นนำ้ที่มักจะเป็นการยากที่จะเก็บรายละเอียดได้ครบถ้วน รวมถึงรายละเอียดในส่วนเงาดำที่ย้อนแสงกล้อง H-X2S ก็ยังสามารถรับมือได้เป็นอย่างดี ช่องมองภาพ OLED ให้ภาพที่คมชัดสบายตาจากค่าขยาย 0.8X และความละเอียด 5.76 ล้านพิกเซลช่วยให้การเล็งภาพและจัดเฟรมภาพทำได้อย่างง่ายดายอีกทั้งยังช่วยให้สามารถใช้งานต่อเนื่องได้โดยไม่ทำให้เมื่อยสายตาในกรณีที่ต้องเพ่งสายตาเพื่อใช้งานเป็นเวลานานๆ

อีกจุดหนึ่งที่ต้องขอปรบมือให้ดังๆก็คือในเรื่องของแบตเตอรี่ที่ตามสเป็คระบุไว้ว่าจะสามารถถ่ายภาพได้ราวๆ 720 ภาพต่อหนึ่งก้อนแต่ในการใช้งานจริงแบบเต็มที่ทั้งการใช้โหมดบันทึกภาพต่อเนื่อง เปิดเช็คภาพบนหน้าจอเป็นระยะๆ และถ่ายภาพตลอดเวลาทั้งวัน ด้วยการใช้แบตเตอรี่ 2 ก้อนที่ติดมา เราสามารถถ่ายภาพได้มากกว่า 2,000 ภาพแบบเต็มที่ โดยแบตเตอรี่มาหมดในช่วงเย็นจบงานพอดี

กล้อง Fujifilm X-H2S สามารถสร้างความประทับใจในการใช้งานจริงได้สมกับที่ทาง Fujifilm ตั้งใจให้กล้องรุ่นนี้เป็นกล้องที่รองรับการทำงานระดับมืออาชีพได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีในเจนเนอเรชั่นที่ 5 ที่ได้ทำการเปิดตัวและบรรจุมาในกล้อง X-H2S น่าจะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นถึงมุ่งมั่นของทาง Fujifilm ในการพัฒนากล้องรุ่นต่างๆในตระกูล  X-Series ให้ประสบความสำเร็จได้ในแบบเดียวกันได้อย่างไม่ต้องสงสัย

สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมของกล้อง Fujifilm X-H2S และอุปกรณ์เสริมต่างๆ ติดต่อ www.fujifilm-xspace.com

 

FujiFilm Sample Galleries

ตัวโปรย

ตัวโปรย

ตัวโปรย

ตัวโปรย

ตัวโปรย

ตัวโปรย

ตัวโปรย

ตัวโปรย

ตัวโปรย

You may be interested

ฟูจิฟิล์ม เปิดแคมเปญ “Make More Magic” ถ่ายทอดความรู้สึกยิ่งใหญ่ที่ไฟล์ดิจิทัลให้ไม่ได้ ส่งสื่อโฆษณา TVC และ OOH แสนอบอุ่นใจ ตอกย้ำการสร้าง “MAGIC MOMENT” ด้วยฟิล์มอินสแตกซ์
นำเสนอปรินเตอร์ฟิล์มอินสแตนท์ 3 รุ่น มาพร้อมคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์
แต่งแต้มความสุขสนุกสนาน ให้ทุกความทรงจำพิเศษกว่าที่เคย!
NEWS
324 views
NEWS
324 views

ฟูจิฟิล์ม เปิดแคมเปญ “Make More Magic” ถ่ายทอดความรู้สึกยิ่งใหญ่ที่ไฟล์ดิจิทัลให้ไม่ได้ ส่งสื่อโฆษณา TVC และ OOH แสนอบอุ่นใจ ตอกย้ำการสร้าง “MAGIC MOMENT” ด้วยฟิล์มอินสแตกซ์
นำเสนอปรินเตอร์ฟิล์มอินสแตนท์ 3 รุ่น มาพร้อมคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์
แต่งแต้มความสุขสนุกสนาน ให้ทุกความทรงจำพิเศษกว่าที่เคย!

skatewaylife - December 30, 2023

บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดแคมเปญโฆษณาชุดพิเศษภายใต้ แท็กไลน์ “Make More Magic” ครอบคลุมทั้งสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์ (TVC) และสื่อโฆษณานอกบ้าน (Out of Home - OOH) ถ่ายทอดเรื่องราวการเก็บทุกช่วงเวลาดี ๆ ในชีวิตด้วยภาพปรินต์อินสแตกซ์จากปรินเตอร์ฟิล์มของฟูจิฟิล์มที่เชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนได้ง่าย…

ไทย ปลุกกระแส ปาร์กัวร์ 
ผ่านโปรเจ็ค Run The Ship โดย Red Bull และ Team Farang
NEWS
442 views
NEWS
442 views

ไทย ปลุกกระแส ปาร์กัวร์ 
ผ่านโปรเจ็ค Run The Ship โดย Red Bull และ Team Farang

skatewaylife - May 25, 2023

Red Bull และ Team Farang นำเสนอมิติใหม่วงการปาร์กัวร์ไทย กับโปรเจ็ค Run The Ship ที่เกิดขึ้นบนเรือที่ถูกทิ้งร้างในถิ่นทุรกันดารอันกว้างใหญ่ของไทย นับตั้งแต่โปรเจ็คนี้ประสบความสำเร็จ Team Farang ก็ได้รับการชื่นชมในหมู่คนในท้องถิ่นว่ามีความคิดสร้างสรรค์และมีวิสัยทัศน์ [siteorigin_widget class="SiteOrigin_Widget_Image_Widget"][/siteorigin_widget][siteorigin_widget class="SiteOrigin_Widget_Image_Widget"][/siteorigin_widget] Team Farang…

ฟูจิฟิล์ม ประเทศไทย เปิดตัว INSTAX mini 12
กล้องฟิล์มอินสแตนท์รุ่นใหม่ ชูดีไซน์สวยโดดโด่นในโทนพาสเทลสดใส
NEWS
699 views
NEWS
699 views

ฟูจิฟิล์ม ประเทศไทย เปิดตัว INSTAX mini 12
กล้องฟิล์มอินสแตนท์รุ่นใหม่ ชูดีไซน์สวยโดดโด่นในโทนพาสเทลสดใส

skatewaylife - March 7, 2023

บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวกล้องฟิล์มอินสแตนท์รุ่นใหม่ล่าสุด “INSTAX mini 12” ภายใต้สโลแกน “Fill your world with joy” ชวนคนรุ่นใหม่ที่รักการถ่ายภาพมาร่วมแต่งแต้มความสุขให้ชีวิตด้วยกล้องฟิล์มอินสแตนท์ที่ใช้ง่ายที่มาพร้อมลูกเล่นสนุก ๆ พร้อมให้คุณแชร์ความทรงจำดี ๆ กับเพื่อน ๆ…