Field Test : GOPRO HERO9 Black

คงไม่ต้องกล่าวนำอะไรมากมายสำหรับกล้องแอคชั่นแคมแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง GoPro ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกตลาดกล้องแอคชั่นแคมอย่างจริงจังเป็นรายแรกๆของโลก ด้วยการออกตัวกล้องให้มีทรงสี่เหลี่ยมขนาดเล็กกระทัดรัด มีนำ้หนักที่เบา เน้นคุณภาพการผลิตที่แข็งแรง ทนทาน กันน้ำ กันฝุ่น ทนต่อการตกกระแทก แรงสั่นสะเทือน เพื่อให้สามารถนำกล้องติดตัวไปใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลาอย่างคล่องตัวโดยไม่เกะกะหรือก่อให้เกิดอันตรายในขณะทำกิจกรรมต่างๆได้ แน่นอนว่ากล้องถ่ายภาพและกล้องวิดีโอทั่วไปนั้นก็สามารถที่จะทำได้แต่ก็ต้องอาศัยอุปกรณ์เสริมเฉพาะกิจที่ยุ่งยากในการใช้งาน อีกท้ังยังทำให้กล้องมีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นและยังต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงมากๆ

    กล้อง GoPro Hero9 Black เป็นกล้องในเจนเนอเรชั่นลำดับที่ 9 ของตระกูล Hero ซึ่งเป็นตระกูลกล้อง GoPro ที่มุ่งเน้นการใช้งานในระดับมืออาชีพโดยเฉพาะ โดยในครั้งนี้ทาง GoPro ได้ทำการบ้านมาอย่างดี จากการวิเคราะห์ข้อดี ข้อด้อยต่างๆของกล้องรุ่นก่อนแล้วนำมาอัพเกรดแบบจัดเต็มด้วยสุดยอดสเป็คและฟังก์ชันใหม่ล่าสุดอัดแน่นใส่มาให้ในกล้อง GoPro Hero 9 รุ่นล่าสุด เพื่อให้กลายเป็นกล้องคู่ใจของเหล่าบรรดานักกีฬาเอ็กสตรีม นักสำรวจ นักผจญภัยทั่วโลก และเหล่าบรรดา Blogger, YouTuber และ Vlogger ที่ต้องการคอนเท้นท์ที่มีความน่าสนใจจากมุมมองที่มีเอกลักษณ์ รวมไปจนถึงกลุ่มผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการเก็บบันทึกเรื่องราวต่างๆด้วยตัวเองได้อย่างสนุกสนานและง่ายต่อการใช้งานและแชร์ไปยังสื่อโซเชียลต่างๆ

สเปคจัดเต็มแบบ More Everything 

 > บอดี้กล้องยังคงมีคุณภาพการผลิตอันยอดเยี่ยม สามารถกันน้ำได้ลึกสูงสุด 10 เมตร ได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมใดๆ โดยยังมีการปรับปรุงในส่วนของปุ่มเปิดปิดด้านข้างให้มีความนูนและใหญ่ขึ้น รวมถึงฝาปิดแบตเตอรี่ที่เปลี่ยนเป็นแบบสปริงล๊อค ช่วยสร้างความมั่นใจว่าได้ทำการปิดฝาถูกต้องเข้าล๊อคเรียบร้อยทุกครั้ง 

> หน้าจอแสดงผลหลักขนาดใหญ่มากขึ้น ขนาด 2.25” แบบทัชสกรีน แสดงผลแบบ Live view ให้ภาพคมชัด สีสันสมจริง มีการตอบสนองต่อการแตะใช้งานได้อย่างฉับไวและแม่นยำ

> จอแสดงผล Live view ด้านหน้าขนาด 1.4” แสดงภาพให้เห็นแบบ Real time ที่หลายคนรอคอย ช่วยเพิ่มความสะดวกในการถ่าย Selfie รวมถึงการแสดงสถานะของกล้อง โหมดถ่ายภาพ เมนูต่างๆให้เห็นอย่างชัดเจน โดยยังสามารถปรับอัตราส่วนการแสดงผลหน้าจอได้จากเดิม 1:1 ที่ภาพจะถูกตัดขอบด้านข้างออก ให้มาเป็นแบบ 16:9 ที่เป็นฟอร์แมทเดียวกับวิดีโอที่กล้องบันทึกทำให้ง่ายต่อการจัดเฟรมภาพได้ทันทีอย่างสะดวกรวดเร็ว

> เลนส์ป้องกันด้านหน้าสามารถหมุนถอดออกเพื่อเปลี่ยนได้ รองรับการใช้งาน Max Lens Mod ซึ่งเป็นเลนส์เสริมมุมกว้างพิเศษแบบ Ultra Wide ขนาด 155 องศา ช่วยเพิ่มมุมมองสร้างสรรค์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด

>ไมโครโฟนได้รับการปรับปรุงให้รับเสียงได้ชัดเจนมากขึ้นและมีการออกแบบช่องระบายน้ำเพื่อลดเสียงนำ้ที่ค้างและไหลออกจากตัวกล้องเมื่อเอากล้องขึ้นมาจากการใช้งานใต้ผิวน้ำ

> เซ็นเซอร์ภาพรุ่นใหม่ความละเอียดสูงมากขึ้นขนาด 23.6 ล้านพิกเซล ให้ไฟล์ภาพคุณภาพสูงขนาด 20 ล้านพิกเซล

> บันทึกไฟล์วิดีโอความละเอียดสูงได้ที่ 5K / 30fps, 4K / 60fps และ 1080p / 240fps ตั้งค่า Bit rate ได้สูงสุด 100 Mbps โดยสามารถตั้งค่าเฟรมเรท ค่าความละเอียด และ Bit rate ได้ทันทีตามต้องการเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานและให้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมระดับมืออาชีพ

> บันทึกภาพนิ่งคุณภาพสูงความละเอียดขนาด 12 ล้านพิกเซล ( รุ่นก่อนหน้า 8 ล้านพิกเซล) โดยมีโหมดบันทึกภาพที่หลายหลายแบบมืออาชีพ ให้เลือกใช้ได้แก่ โหมดบันทึกไฟล์ภาพ Raw โหมด HDR และโหมด Super Photo กล้องจะช่วยปรับโทนภาพให้มีสีสันสวยงามโดยอัตโนมัติ

> โหมดวิดีโอซูเปอร์สโลว์ ระดับ 8 X หรือที่ 240 fps ( 1080p) ที่ให้ไฟล์วิดีโอที่น่าตื่นตาที่มีลื่นไหล นุ่มนวลสวยงามได้อย่างน่าทึ่ง

> บันทึกไฟล์เสียงระดับมืออาชีพแบบ RAW Audio ที่เหมาะกับการนำมาใช้กับซอฟท์แวร์ตัดต่อในภายหลังเพื่อให้ได้ไฟล์เสียงคุณภาพสูงสุด

> โหมดบันทึกภาพนิ่งต่อเนื่อง ( Burst Mode) สามารถตั้งค่าได้หลากหลายเพื่อให้เหมาะกับการถ่ายภาพแอคชั่นความเร็วสูงได้แบบไม่พลาดแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียวในแบบพรีเซ็ทอัตโนมัติง่ายๆ ตั้งแต่ Auto ( 25 ภาพใน 1 วินาที) 3/5/10/25 ภาพใน 1 วินาที , 10/30ภาพ ใน 3 วินาที, 30 ภาพใน 6 วินาที, 30 ภาพ ใน 10 วินาที

> พลาดไม่ได้กับโหมด Time Lapse ที่ประกอบไปด้วยฟังก์ชั่นสุดคูลให้เลือกใช้งานได้ตามต้องการตั้งแต่ ฟังก์ชัน Time Warp ฟังก์ชัน Time Lapse และฟังก์ชัน Night Lapse ซึ่งแต่ละฟังก์ชันจะมาพร้อมกับค่าพรีเซ็ทต่างๆ ได้ อาทิ ค่าความละเอียด ( Resolution) ระยะเวลา (Duration) ช่วงระยะเวลาการบันทึกภาพ ( Interval) ที่เลือกตั้งค่าได้อย่างรวดเร็วผ่านทางหน้าจอทัชสกรีน

> ฟังก์ชัน Time Warp 3.0 ในเวอร์ชั่นนี้ได้ถูกอัพเกรดให้สามารถทำการอัดเสียงได้ในขณะที่ทำ Time Warp  (ในช่วง Real time) ได้เลย ซึ่งช่วยเพิ่มสีสันในการทำคอนเท้นท์ได้จากกล้องโดยตรงทันที 

> คมชัดนิ่งสนิทด้วยฟังก์ชัน Hyper Smooth 3.0 ที่มาพร้อมออฟชั่น Boost เพิ่มประสิทธิภาพในการรับมือกับการสั่นไหวได้อย่างยอดเยี่ยม โดยไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์เสริมอื่นๆให้ยุ่งยาก

> ฟีเจอร์ปรับแก้เส้นขอบฟ้าเอียง  ( Horizon Levelling) ที่จะช่วยปรับเส้นขอบฟ้าให้ได้ระนาบตรงตลอดเวลา ถึงแม้จะถือกล้องเอียงหรือขยับไปมาก็ตาม

> เพิ่มระยะเวลาในการใช้งานด้วยแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ ความจุขนาด 1720 mAh 

กล้อง GoPro Hero9 Black เปิดราคาจำหน่ายอยู่ที่ 15,999 บาท ( บอดี้กล้อง, แบตเตอรี่1 ก้อน, สายชาร์จ, ขายึดมาตรฐาน, กาวสองหน้า 3M กระเป๋าใส่กล้องและอุปกรณ์ )

ติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.mentagram.com

หรือ FB Page : GoPro Thailand